ตลาดลาดชะโด
เมื่อสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีรูปแบบของตลาดเริ่มหลากหลายตามลักษณะของชุมชน
เกิดย่านตลาดหรือสถานที่
หรือทำเลที่มีการค้าขายทั้งแบบถาวรและแบบชั่วคราวขึ้น
บ้างก็ค้าขายกันทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น
บ้างก็ขายเฉพาะช่วงเช้าหรือเย็นเท่านั้น
ในย่านตลาดยังมีการสร้างโรงเรือนที่ใช้ค้าขายและพักอาศัยอยู่ด้วย
มักตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีการคมนาคมสะดวก
ร้านค้าในย่านตลาดจะขายสินค้าต่างกันไป
ทำให้เกิดเป็นสังคมอยู่ร่วมกันอย่างพึ่งพาอาศัย
และไม่ว่าตลาดจะเกิดขึ้นและถูกลืมไปสักกี่ครั้ง
ร่องรอยของตลาดครั้งกระโน้นก็ยังตกทอดมาถึงคนรุ่นปัจจุบัน
ทั้งน้ำจิตน้ำใจไมตรี การค้าขายแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย
ที่เหลืออยู่ครบถ้วนในตลาดวันนี้ที่อยุธยา
ตลาดลาดชะโด
ตลาดเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี
เริ่มจากเรือนแพค้าขายของชาวจีนที่ตั้งอยู่สองฝั่งคลอง
ต่อมาได้สร้างเป็นตลาดไม้ริมน้ำ แล้วขยายขึ้นไปบนบกเรื่อยๆ
จำนวนเกือบรอ้ยคูหา เป็นเรือนแถวขนาดใหญ่หันหน้าเข้าหากัน
ทางเดินกว้างขวางในชุมชนมีวัด โรงเรียน ศาลเจ้า
โรงสีและโรงภาพยนตร์ที่ยังคงสภาพแบบเดิม ชุมชนลาดชะโดเดิม
เรียกว่าบ้านจักราช
เป็นชุมชนที่เกิดขึ้นหลังจากพม่าปล้นกรุงศรีอยุธยาและถอนกำลังลงไปในปี
พ.ศ.2310 บริเวณบ้านจักราช มีคลองออกไปสู่แม่น้ำน้อย
ในคลองเต็มไปด้วยปลาต่างๆ โดยเฉพาะปลาชะโด
อันเป็นที่มาของชื่อลาดชะโดในเวลาต่อมาถึงขนาดมีคำเตือนว่า
เวลาพายเรือให้ระวังไม้พายจะไปโดนปลาชะโดเข้า
สมัยก่อนที่นี้เป็นแพเรียงกันยาวไปตรามลำคลอง
มีแพตำรวจอยู่ตรงริมฝั่งตรงข้ามกับโรงพักปัจจุบันนี้
คนที่นี่เวลาจะไปบางกอกต้องนั่งเรือมล์ 2 ชั้นไป
มีเรือแดงกับเรือเขียว ชั้นล่าง บรรทุกสินค้า ชั้นบนเป็นที่นอน
ต่องล่องไป 1 วัน 1 คืน
ในวันนี้ชาวชุมชนลาดชะโดได้ร่วมใจกันอนุรักษ์อาคารบ้านเรือนในชุใชน
จนได้พระราชทานรางวัลอนุรีกษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเน เมื่อปีพ.ศ. 2549
รำลึกอดีต
ในตลาดมีทั้งร้านถ่ายรูป ร้านตัดผม ร้านตัดเสื้อ
ร้านขายของชำ ร้านยาไทยของหมอจรัล
ที่โด่งดังมากเรื่องยารักษาไข้ทับระดู
รายชื่อยาสมุนไรที่ยังติดอยู่ข้างกระป๋องมีนับร้อยชนิด
บ้านเกิดศิลปิน นักร้อง นักแต่งเพลง ในยุคทศวรรษ 1970 ธีรศักดิ์
อัจจิมานนท์ ผู้ขับร้องเพลงกุหลาบแดง และลมลวงที่โด่งดัง
เดิมที่บ้านเป็นร้านถ่ายรูป
คุณพ่อเป็นช่างภาพที่มีผลงานเป็นที่รู้จักกันดีในท้องถิ่น
คุณแม่เป็นผู้คิดค้นการทำพวงหรีดผ้าเป็นคนแรก
พิพิธภัณฑ์บ้านเก่าของนายกเทศมนตรี
เดิมขายเครื่องสังฆภัณฑ์และพวกหรีดผ้าซึ่งเป็นของมีชื่อเสียงของที่นี้
จัดแสดงภาพถ่ายข้าวของเครื่องใช้ในอดีต มีตู้แสดงปลน้ำจืดหลายพันธ์
ที่แน่ๆ ต้องมีปลาชะโด โรงมหรสพ ปัจจุบันเป็นสมาคมชาวประมง
โรงฉายหนังฉายให้ชมกันฟรีๆ หนังเรื่องที่ยกกองมาถ่ายทำที่ลาดชะโด
อาทิ บุญชู รักข้ามคลอง ดงดอกเหมย ความสุขของกะทิ เป็นต้น
ชมเรือเมล์ ลำใหญ่ ที่ถูกกู้ซากขึ้นมา
สมัยก่อนใช้เดินทางขึ้นล่องระหว่าบางกอกกับหัวเมือง อยุธยา
สุพรรณบุรี ชัยนาท นครสวรรค์
เยือนแล้วอย่าพลาด
โรงเรียนวัดลาดชะโด (ประกาศวิทยาคาร)
มีอาคารเรียนไม้ใต้ถุนสูงรูปตัว E สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2503
เป็นอาคารไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ยาวถึง 255 เมตร
ในโรงเรียนมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน
เล่าเรืองราววิถีชีวิตคนลาดชะโดในอดีต
บริเวรหน้ารงเรียนมีปลาธรรมชาติมากมาย อาทิปลาชะโด ปลากราย
ปลาหางแพน มีนักเรียนบริการขายอาหารปลากันอยู่บนแพ
ที่รงเรียนมีผัดไทอร่อยๆ ขายเรียกกันว่า ผัดไทโรงเรียน
คุณครูกับนักเรียนหมุนเวียนมาช่วยกันเปิดร้านได้เงินกำไรก็นำไปใช้เลี้ยงอาหารกลางวันเด็กนักเรียนของที่นี่
เรียกได้ว่าเป็นผัดไทอิ่มท้องอิ่มใจ
น่าชิมลิ้มลอง
ในตลาดชิม แกงบอน ร้านข้าวแกงแม่ชั้ว
ที่หากินได้ยากเพราะแกงยากต้องเคี่ยวกับส้มมะขามจนบอนจมปรุงให้ได้
3 รส เปรี้ยว เค็ม หวาน
แม่ค้าบอกเคล็ดลับเวลาโดนบอนแล้วคันให้ใช้ส้มมะขามทา จะหายคัน
ห่อหมกปลาช่อนชิ้นโต
ใส่ใบยออย่างเดียวทำให้รสชาติของหอหมกจัดจ้านขึ้น
ต้มเค็มปลาตะเพียน สูตรโบราณใส่อ้อย สับปะรด ส้มมะขาม
ปลาเห็ดทำจากปลาสร้อย ก๋วยจั๊บป้าพะเนียด ก๋ยวเตี๋ยวหมูตุ๋น
กรุงเก่า เป็ดย่าง เป็ดพะโล้ร้านลุงหนวด ห่อหมกครก ขนมต้มสมุนไพร
ขนมถั่วแปปใบเตย ขนมหม้อแกงและอีกหลายอย่าง
เดินจากในตลาดมาริมน้ำจะเจอแพหลังใหญ่มีก๋วยเตี๋ยวเรือให้นั่งกิน
ล่องเรือชมแม่น้ำ
ล่องเรือชมวิถีชีวิตริมคลองลาดชะโด การยกยอ ทอดแห
บ้านเรือนไทยริมน้ำ ค่านั่งเรือคนละ 10 บาทเท่านั้น
ถ้าจะเหมาทั้งลำก็ลำละ 50 บาท
ติดไม้ติดมือมาฝาก
ปลาตะเพียนแล่แดดเดียว ปลาแปปแดดดัยว ปลาย่างรมควัน
เช่นปลาช่อน ปลาเนื้ออ่อน ฝีมือชาวบ้านย่านนี้
บ้านใกล้เรือนเคียง
วัดลาดชะโด วัดเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยา
แวะสักการะรูปเหมือนหลวงพ่ออุปัชฌาย์ อิ่ม ธมมสาโร (อิ่ม
ผาสุกถ้อย) อดีตเจ้าอาวาส วัดลาดชะโด
ซึ่งเป็นที่เคารพของผู้คนในชุมชน ชมศาลาขนาดใหญ่ที่สุดในกรุงเก่า
สร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2452 เสาทำจากซุงไม้ตะเคียนทั้งต้น
พื้นทำจากไม้สักทองทั้งหลัง ข้ามสะพานไปชม
โรงพักเก่าแก่ที่ย้ายจากแพขึ้นมาสร้างบนบก ศาลเจ้าลาดชะโด ประมาณปี
พ.ศ.2480 ได้เกิดเพลิงไม้ครั้งใหญ่
ชาวจีนที่อยู่ที่นี่จึงได้เชิญซินแสมาช่วยดูฮวงจุ้ย
และได้สร้างศาลเจ้าขึ้นที่ปากคลองลาดชะโด
หลังจากนั้นก็ไม่เกิดไฟไหม้อีก
บนเส้นทาง
จากกรุงเทพฯลงทางด่วนบางปะอินตรงไปตามถนนเส้นสามโคก-ปทุมธานี
ผ่านสี่แยกเสนาไปอำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เลยตัวอำเภอไป
เลี้ยวซ้ายผ่านสำนักงานเทศบาลตำบลลาดชะโดจะพบตลาดลาดลาดชะโดอยู่ซ้ายมือ
มีป้ายบอกตลอดทาง
เบ็ดเตล็ดความรู้
ตลาดลาดชะโด เปิดตลาดวันเสาร์-อาทิตย์ สอบถามข้อมูลที่
เทศบาลตำบลลาดชะโด โทร 035-740263-4
สถานที่ท่องเที่ยวอยุธยา
>>
|